ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเติม นมค อย่างถูกวิธี ใช้กี่ลิตร

จากการที่มีการถามกันบ่อยครั้งทั้งทางหน้าบอร์ดและ PM ว่า
นินจาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที ต้องใช้น้ำมันเครื่องเท่าไหร่
ช่วงนี้อยู่ว่างๆก็เลยถ่ายน้ำมันเครื่อง ไหนๆก็ถ่ายแล้ว ทำ DIY ให้ดูเลยดีกว่า
จะไม่กล่าวถึงวิธีการคลายน๊อตเพื่อเอาน้ำมันออกนะครับ ตรงนั้นมันง่าย ทำกันได้เองสบายๆ
(ถ้าไม่แน่ใจไปดูในคู่มือประจำรถหน้า 81)
แต่จะเน้นเรื่องการเติม ว่าเติมอย่างไร เท่าไหร่ถึงจะพอดี ขั้นตอนมันมีนิดหน่อยครับ
จากในหนังสือคู่มือหน้า 84  ระบุว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนทีใช้ 1.3 ลิตร (เมื่อไม่เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง)
และ  1.6 ลิตร (เมื่อเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง)
แต่เดียวจะพาไปเห็นของจริงนะครับว่า ถ้าเปลี่ยนแบบถูกต้อง ต้องใช้น้ำมันเครื่องจริงเท่าไหร่



พระเอกในวันนี้ก็รถป๋าเองจ้าวเก่าละครับ
ป๋าถ่ายน้ำมันเครื่องออกโดยตัวรถตั้งตรง มีถาดรอง และปล่อยให้น้ำมันเครื่องหยดทั้งวันทั้งคืน(24 ชม)
ที่ปล่อยให้มันหยดทั้งคืนเพราะต้องการให้น้ำมันเก่าออกหมดจริงๆ
คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องอย่างนึงคือ มันคืบคลานช้าๆ น้ำมันที่ค้างอยู่ในมุมต่างๆ เช่นในฝาสูบแถวๆวาล์ว
มันจะมีถ้วยขังน้ำมันเพื่อเลี้ยงวาล์ว น้ำมันตัวนี้จะค่อยๆเลื่อยข้ามขอบถ้วยอย่างช้าๆแล้วไหลลงก้นแคร้ง ยังมีอีกหลายจุดที่เป็นเช่นนี้ การปล่อยให้มันหยดทั้งคืน เพื่อเปิดโอกาศให้น้ำมันไหลออกหมดจริงๆ
จริงไม่จริงเดียวทราบครับ






น้ำมันเครื่องตัวที่ป๋าใช้ก็คือ PTT Synthetic 100% อันโด่งดัง(แต่หายากฉิบ)
อุปกรณ์ง่ายๆที่ควรมีอีกตัวคือกรวยยาว 






หน้าต่างดูระดับน้ำมันเครื่องนะครับ ไม่มีน้ำมันเครื่องให้เห็นเลยสักนิด
แหงเนอะ จะเห็นได้งัย ก็ถ่ายออกหมดแล้วนิ ปิดน๊อตถ่าย นมค ที่ก้นแคร้งซะก่อน






ต่อไป เติมน้ำมันเครื่องขวดแรกเข้าไปเลย ไม่ต้องยั้งมือ ยางไงมันก็ไม่พอและยังไม่ทันขึ้นให้เห็นทางหน้าต่างด้วย





เติมขวดที่ 2 เข้าไปเรื่อยๆจนได้ระดับขีดบน บนหน้าต่าง ปิดฝาเติม แล้วสตาร์ทเครื่องครับ





ดูนะครับ พอเครื่องเดินน้ำมันที่เติมจนเต็ม ก็จะหายไปจากหน้าต่าง แสดงว่าน้ำมันยังเติมไม่พอ
แต่ ณ จุดนี้ ไม่ต้องไปสนใจนะครับ ปล่อยให้เครื่องเดินต่อไปสัก 1-2 นาที
ไม่ต้องกลัวเครื่องพังครับ ถึงเราจะไม่เห็นระดับน้ำมัน แต่ปั้มน้ำมันก็สามารถปั้มน้ำมันไปยังส่วนต่างๆของเครื่องได้อย่างพอเพียง  ณ จุดนี้ เราใช้ นมค ไปแล้ว 1.4 ลิตร(ดูที่ระดับข้างกระป๋องครับ)








ดับเครื่อง และรอสัก 3-4 นาที น้ำมันเครื่องจะค่อยๆไหลกลับลงแคร่งจนสามารถมองเห็นได้ในหน้าต่างอีกที
แต่ทำไม่ไม่เท่าเก่าฟะ ครับไม่เท่าแน่ ตอนนี้ นมค. ได้ไหลเข้าไปอยู่ตามส่วนต่างๆที่ นมค เก่าเคยอยู่






เติม นมค เพิ่มจนขึ้นมาถึงขอบบนของหน้าต่างอีกที ปิดฝาเติม แล้วสตาร์ทเครื่องอีกที





พอเครื่องเดิน น้ำมันเครื่องจะถูกปั้มหายไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่หายหมดแล้วครับ
ถึงเครื่องจะเดินอยู่ เราจะยังสามารถมองเห็นระดับ นมค ได้ครึ่งหน้าต่างครับ
นี้แหละคือระดับการเติมที่พอดี ใช้ได้ ถือว่าจบงาน
ขันน๊อตเติมให้แน้น เอาแค่พอแน้นด้วยมือพอครับ ไม่ต้องเอาคีมหรืออะไรมาขันต่อ






ตรงนี้ป๋าใช้ นมค ไปแล้ว 1.7 ลิตรแล้ว มากกว่าที่คู่มือระบุอีก นี้แหละผลจากการปล่อยให้หยดทั้งวันทั้งคืน
นี้ถ้าเปลี่ยนใส้กรอง นมค ด้วย หมด 2 ลิตรครับ






แล้วทำไมเวลาไปเปลี่ยนที่ 0 จึงใช้น้อยกว่ามาก ก็ทาง 0 เค้าไม่มีเวลามานั่งคอย 24 ชม เพื่อถ่าย นมค นี้ครับ
เค้าปล่อยออก พอเริ่มหยด เค้าก็ปิดจุกแล้ว นมคไหลออกไม่หมดเหมือนที่ทำให้ดู
ส่วนเพื่อนๆจะมีเวลาปล่อยไหลนานขนาดนี้หรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ละคน ทำได้ก็ดีเยี่ยม ทำเหมือน 0 ก็ได้ ขั้นตอนเหมือนกันแต่เรื่องอะไรเราจะปล่อยให้มี นมค เก่าค้างอยู่ในเครื่องละ เอาออกให้หมด ดีสุด แล้วใส่ นมค ใหม่ให้ได้เยอะๆดีกว่า




อันนี้แถมให้ นมค เก่าเอาไปทิ้งที่ไหนดี
ก็กรอกคืนกระป๋อง นมค ที่ใช้แล้วเมื่อครู่ครับ หากไม่พอก็หากระป๋องอะไรก็ได้ มาใส่ให้หมด แล้วเอาไปฝากทิ้งตามปั้มน้ำมันได้ทุกปั้ม มันเป็นหน้าที่ของเค้าครับ ที่จะต้องนำ นมค เก่าไม่ว่ามาจากไหนไปทำลายให้เราครับ
ส่วนเค้าเอาไปทำลายจริงหรือปล่าว ห้ามถามป๋า ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าเค้าครับ






ขอร้องนะครับ อย่านำ นมค เก่าไปทิ้งตามท่อระบายน้ำ เทลงดิน หรือนำไปเผา มันเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างแรง


ข้อคิดสำหรับ DIYเรื่องนี้ครับ

เติมน้ำมันเครื่องขาดนิด ดีกว่า เติมน้ำมันเครื่องเกิน 


เช่นเดิมนะครับ ที่ห้อง DIY นี้ ไม่มี แท็บ ถามตอบ เราไป ถามตอบกันในเวบบอร์ดเช่นเดิม
เดียวจะทำลิงค์ใว้ให้ครับ 












DIY: มาเปลี่ยนโซ่กับสเตอร์กัน

หลังจากที่ใช้รถมามาแบบมหาโหด เดินทางไกล วิ่งเร็ว ออกตัวแรงอยู่เกือบ 2 ปี กับอีก 24000 กว่า กม โซ่เริ่มยืดกับสเตอร์เริ่มกลับบ้านเก่า ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนซะที
จริงป๋าเปลี่ยนโซ่ไปทีแล้ว(สเตอร์หน้าหลังไม่ได้เปลี่ยน)เมื่อไม่นาน แต่เป็นโซ่ DID สีทองเทียมเส้นละ 
พันกว่าบาท ใช้ไปแค่ 2 พันกว่าโล ขาดครับที่ความเร็ว 130  ดีที่มันไม่เข้าไปพันกับล้อ ไม่งั้นดูไม่จืด
นี้แหละของเทียม เข้าตำรา เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

สุดท้ายไปซื้อของ EK สีทองแท้ เส้นละ 2’800 บาท ก็ตราสินค้าและรุ่นเดียวกับของ 0 ละครับ ราคาก็เท่ากัน แต่ชุดนี้สวยกว่า มันสีทอง
การเปลี่ยนโซ่ต้องเปลี่ยนสเตอร์หน้าหลังด้วย ไม่งั้นมันจะไม่ทน

มาดูวิธีเปลี่ยนดีกว่าครับ


ก่อนอื่นเอารถขึ้นขาตั้งก่อนจะได้ทำงานง่าย 


ถอดขาเกียร์ออก น๊อตเป็นเบอร์ 10 ครับ









ถอดผาปิดสเตอร์หน้าออก ฝานี้ยึดใว้ด้วยน๊อตเบอร์8 3ตัว




ฝานี้มีเดือยเสียบอยู่ อาจต้องโยกหน่อย มันจะหลุดมาเอง




ตอนเอาน๊อตออก จำใว้ด้วยว่าน๊อตขนาดไหนอยู่ในรูไหน มันมีตั้ง 3 ขนาด




ถอด Speed sensor ออก เป็นน๊อต เบอร์ 8  2ตัวยาวเท่ากัน 




ตรงสเตอร์จะมีแหวนพับใว้กันน๊อตคลาย ตอกลงไปให้แบนครับ




เอาปล๊อกเบอร์ 21 ถอดน๊อตล๊อกสเตอร์ออก ตรงนี้ต้องมีคนมาช่วยกดเบรคหลังใว้
น๊อตตัวนี้ค่อนข้างแน่นเลยละ  ไม่งั้นขันไม่ออก





จากนั้นดึงสเตอร์ออกมาทั้งโซ่เลยครับ
เปรียบเทียบสเตอร์ใหม่กับอันเดิม  ซ้ายใหม่ ขวาเก่า
ดูที่ฟันมันนะครับ ของเก่าฟันเริ่มล้มแล้ว สึกจนแหว่ง 





เอาโซ่คล้องสเตอร์ใหม่แล้วจับใส่คืนที่เดิม อาจต้องขยับซ้ายขวาหน่อยให้มันลงล๊อกกัน
ใสแหวน ขันน๊อตให้แน่น และพับแหวนล๊อกกลับเหมือนเดิม
ห่วงดำตรงสเตอร์คือยางกันกระแทก ถ้าไม่มีตัวนี้ เวลาวิ่ง สเตอร์กับโซ่จะกระทบกันส่งเสียงเกลียวกราว






โซ่เก่าเอาออกยากนิดนึงครับ มันไม่มีข้อต่อ ต้องเจียร์ขอโซ่ หรือจะเจียร์ตัดออกเลยก็ได้ครับ
ไม่ใช้แล้วนิ






โซ่ใหม่ถ้าเป็นของ 0 จะยาว 106 ข้อพอดี ไม่ต้องตัด ใส่ได้เลย แต่ถ้าซื้อข้างนอกจะยาว 120 ข้อ ต้องตัดออกให้ได้ 106 ข้อครับ เอาโซ่ร้อยตั้งแต่สเตอร์หลังอ้อมไปหน้า แล้วกลับมาสเตอร์หลัง 


ข้อต่อโซ่มี 2 แบบครับ แบบใช้คลิบ กับแบบย้ำหัว
ซ้ายแบบคลิบ ขวาย่ำหัว ของโรงงานเป็นแบบย่ำหัวครับ 





แบบคลิบเมื่อต่อเสร็จจะเป็นแบบนี้ แต่..........



…….ในคู่มือการติดตั้ง ที่ ข้อ e บอกใว้ว่า แบบคลิบเหมาะกับรถออฟโรดและแบบย้ำหัวเหมาะกับรถสปอร์ต




เชื่อเค้าครับ ป๋าใช้แบบย้ำหัว ปลอดภัยกว่า
เอาข้อต่อมาใส่ O-ring(ให้มาด้วย) แล้วทาจารบี(นี้ก็ให้มาในชุด) แล้วดันเข้าไประหว่างปลายโซ่เลย
ใส่ประกับแล้วบานหัว แต่อันนี้ต้องมีเรื่องมือพิเศษ ราคาแพงครับ









จากนั้นก็ตั้งโซ้ ปิดฝาสเตอร์หน้า นำออกไปใช้งานได้อีกหลายหมื่น กม
ก็หมดเพียงแค่นี้แหละครับ 



***เช่นเดิม หัวข้อนี้จะทิ้งใว้ตรงนี้ 2-3 วันแล้วจะย้ายไปหน้า DIY ครับ



--



Chain breaker แบบของป๋าพอหาได้เถวใหนบ้างครับ ผมมีแต่ของจักรยาน ปรับขนาดไม่ได้

แต่โซ่ สมัยนี้ก็ไม่ควรตัด ถูกใหมครับ ดังนั้น คงใช้ไม่บ่อย หาอะใรมาตอกๆไป จะใหวมั๊ยครับ

ชุดนี้ได้มาจากญี่ปุ่นครับ บ๊อบ เป็น Breaker ขนาด 520,525,530 ของ Kaisai ซึ่งมี Pattent# ด้วย






ราคาประมาณ 4000 บาทครับ เป็นอลูมิเนียมแข็งแรงมาก เอาเหล็กคมๆกรีดยังไม่ค่อยเป็นรอย

ป๋าเชื่อใจของณี่ปุ่น ที่ผลิตในญี่ปุ่น เพื่อตลาดญี่ปุ่น ของที่เค้าใช้จะมีคุณภาพสูงมาก

ธรรมชาติของคนญี่ปุ่น จะใช้แต่ของดี มีคุณภาพ ราคาไม่เกี่ยง

แต่กว่าจะใช้เป็น งงอยู่นาน คู่มือเป็นถาษาญี่ปุ่น ดีว่ามีรูปเยาะ เลยพอเอาข้างๆถูไถไปได้

การตัดโซ่ ทำได้ครับ เพราะถ้ายาวไปมันก็ต้องตัด แต่ต้องตัดให้ถูกวิธี และมีเครื่องมือที่ดี

เอาค้อนกับตาปูมาตอกหมุดนะ ไม่ออกหรอกครับ หมุดมันย้ำบานอยู่ แน่นมาก ต้องเจียร์หัวหมุดก่อน




แล้วปรับ breaker ให้เป็นเครื่องอัดหมุดออก






หลังจากได้ขนาดความยาวโซ่ เท่าที่ต้องการแล้ว ก็ใส่ข้อต่อ ปรับเครื่องมือไปเป็นเครื่องมืออัดประกับ

อัดประกับเข้าไป เน้นว่า อัด เพราะแน่นมาก

ปรับเครื่องมืออีกที เป็นเครื่องย้ำหมุด

ย้ำหัวหมุดให้บานออก ก็แน่นหนา ไม่มีหลุดแล้วครับ


***ลืมไปครับ Chain Breaker แบบคล้ายๆกันนี้ ที่ Red Baron ก็มีขาย แต่เป็นเหล็กล้วน ราคาแตะหมื่นครับ



DIY: ออยล์คูเลอร์เอามาใส่นินจา วิธีทำ(เพิ่มเติมหน้า 3-ลูกค้ารายแรก)

วันนี้มาหาอะไรสนุกๆทำกันอีกสักครั้งดีกว่าครับ
คือเรามาดูวิธีติดตั้ง Oil cooler ให้กับนินจาคันเก่งกัน

จริงๆแล้วระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในนินจาก็เป็นที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไป
แต่การเพิ่มระบบระบายความร้อนที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีอีกตัวคือการระบายความร้อนด้วยน้ำมันเครื่อง
ทีนี้ถ้าเราสามารถนำทั้ง 2 แบบมาใช้งานร่วมกัน การระบายความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะถือว่าสุดยอด

น้ำมันเครื่องที่วนเวียนอยู่ในระบบเครื่องยนต์ จะศูนย์เสียประสิทธิภาพได้โดยปัจจัยหลายอย่าง และอย่างนึง
คือจากความร้อนสูง ถ้าเราสามารถลดความร้อนในน้ำมันเครื่องได้ สถานภาพของมันก็จะคงทน เสถียน ได้นาน

ก่อนอื่น เราต้องมาหาตัวระบายความร้อนน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมมาก่อน
ตอนแรกป๋าก็ไปถามๆตาแป๊ปดู กะว่าจะนำ ออยคูเลอร์ของ KSR มาใช้ ขนาดมัน กำลังดี
แต่ด้วยราคาที่สูงมาก(ชุดนึงเป็นหมื่นบาท) เลยเปลี่ยนเข็มมาเล่ง คูเลอร์ตัวอื่น
มองไปมองมา ตัวที่เหมาะสม ขนาดพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีขายในบ้านเรา ดัดแปลงง่าย ราคาไม่แพง
เป็นคูเลอร์ของ Suzuki Raider 150 ของใหม่ ราคาประมาณ 1,100 บาท
ไปเลยครับ ศูนย์  ซูซูกิ คลอง 3  แต่ผิดหวังอย่างแรง ของหมดสต๊อก ไม่ทราบเมื่อไหร่จะมา
มันหมดสต๊อกมาเป็นปีแล้วครับ จะรออีกหรือ แบบนี้เค้าคงไม่สั่งมาแล้ว
Raider 150 ก็เลิกผลิตในบ้านเรามาเกือบ 3 ปีแล้ว
หาที่ใหม่ดีกว่า ว่าแล้วก็พุ่งไป ตลาดพูนทรัพย์ ใกล้บ้านด้วย หามือ 2 ดีกว่า
แล้วได้จริงๆด้วย จากร้าน บังโลโซ จ้าวเก่า รู้จักกันมานานปี ตั้งแต่สมัยขี่ CBR150
เห็นมีแขวนขายอยู่ 2-3 ตัว แต่สภาพรับไม่ได้จริงๆครับ  เน่าสุดๆ ถูกเท่าไหร่ก็ไม่เอา
ตาบังก็ใจดีครับ บอกว่า มีRaider พังๆ จอดอยู่ในโกดังหลายคัน ให้ไปเลือกเอา
ถอดออยฯจากรถกันเลย  ในที่สุดก็เลือกได้ 2 ตัว สภาพดีกว่าที่แขวนอยู่ นิดหน่อย  เอาก็เอา
2 ตัว รื้อให้ด้วย 1500 บาท ก็ยังแพงอยู่ สำหรับมือ 2 สภาพ so so แต่เอาหน่า ดีกว่าไม่มี
คงต้องเหนื่อยปรับสภาพเอาเอง
ที่เอา 2 ตัว กะว่า ตัวนึงติดรถตัวเอง อีกตัวติดรถแข่งลูกชาย





สภาพตอนได้มากับเครื่องมือ 2 ชิ้นที่ใช้แปลงสภาพ
แหนบถอนขน กับใบเลื่อยเก่า โมดิฟายให้แคบและบาง.........






............และแรงงาน คุณลูกกับคุณพ่ออีกคนละ 1 ชม
ทำกันคนละตัว 






สภาพหลังนั่งเพ่งตาแทบทะลุ + นิ้วหงิก




เอาละต่อไปก็ทำขายึดให้มันหน่อย  ป๋าใช้เหล็กแผ่นที่มีอยู่ ตัด ดัด เจาะ ให้ได้รูปนี้ครับ








บริเวณที่จะติดตั้งคือใต้หม้อน้ำของเรา  ลองมุดดูใต้หม้อน้ำนะครับ จะเห็นน๊อตอยู่ 2 ตัว มียางกันกระเทือนรับ
หม้อน้ำอยู่ด้วย นั้นแหละที่เราจะเอาเหล็กที่ ตัด ดัด เจอะ มายึดเข้าไป ตรงนี้คงต้องวัดเอาเองนะครับว่ารูยึดมันห่างกันเท่าไหร่



เสร็จแล้วเอาเหล็กไปพ่นสีกันสนิมซักหน่อย สวยงามด้วย




จากนั้น ก็เอา คูเลอร์ ยิงรีเวต ติดกับเหล็กแสนสวยของเรา
สังเกตูดีๆนะครับ ป๋าตัดส่วนบนของออยล์ฯออกให้กว้างพอดีกับเหล็กแผ่น มันจะได้ไม่ชนกับหม้อน้ำ
อ้อแล้วขาออยล์ ดัดให้เอียงนิดหน่อย







ขั้นต่อไป ถอดสายน้ำมันเครื่องที่ส่งไปเลี้ยงฝาสูบออก
รูปแรก เป็นหัวสายที่ติดอยู่กับสวิชเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง
รูปที่ 2 คือด้านที่ติดกับฝาสูบ สายเส้นนี้เราจะไม่ใช้แล้ว เอาไปเก็บใว้ดูเล่นครับ
สิ่งที่เราจะเก็บกลับมาใช้จะเป็น น๊อตทั้ง 2 กับแหวนปะเก็นทองแดงเท่านั้น









ต่อไปก็ทำการยึดออยล์ฯเข้ากับรูน๊อตใต้หม้อน้ำ โดยเราจะเอา เหล็กแผ่นเข้าไปฝากใว้กับยางกันกระเทือนของหม้อน้ำ 



ก่อนอื่น ถอดน๊อตทั้ง 2 ตัวใต้หม้อน้ำออกก่อน คลายน๊อต 2 ตัวเหนือหม้อน้ำ แค่คลายนะ
หม้อน้ำจะได้ขยับได้ ทำงานง่ายขึ้น เอาปลอกเหล็กที่ยัดอยู่ในยางออกซะด้วย


 



เสร็จแล้ว ยัด ดัน กระทุ้ง ยางไงก็ได้ให้เหล็กแผ่นเขาไปอยู่ในยางกันกระเทือน มันมีที่เหลืออยู่นิดหน่อย
ไม่ต้องกลัวมันจะเบียดกันเกินไป ทำทั้ง 2 ข้าง
ตรงนี้ยากหน่อย ป๋าใช้วิธีเอาเชือกเหนียวเส้นเล็กๆพับครึ่ง สอดผ่านรูเหล็กแผ่น ไปพันใว้ในร่องยาง แล้วดึงยางผ่านรูเหล็กแผ่น  วิธีนี้จำมาจากช่างใส่กระจกรถ ใช้ได้ผลที่เดียวครับ แล้วยัดปลอกเหล็กคืนเข้าไป  ใส่น๊อต แล้วขันให้แน่นพอประมาณ ทั้ง 4 ตัว 








ออยล์ฯที่ใส่เสร็จแล้ว จะอยู่ห่างท่อใอเสียพอสมควร ไม่ติด ไม่ชน




ออยล์ติดตั้งเรียบร้อยแล้วครับ จากนี้เราต้องวัดความยาวท่อที่เราต้องออกไปสั่งทำใหม่
ท่อที่จะทำใหม่ รู 2 ข้างจะไม่เท่ากัน ของเดิมด้านติดเครื่องยนต์ มันเป็นขนาด 10 มม (รูใน)
ส่วนด้านออยล์เป็นขนาด 14 มม (รูในเช่นกัน)
ในรูปสายเส้นบนเป็นของ Raider เส้นดำเป็นของติดรถ เห็นไหมว่าขนาดรูไม่เท่ากันครับ
ส่วน 2 เส้นล่างคือเส้นที่ไปจ้างร้านไฮโดรลิค ทำครับ ไหนๆทำแล้ว ยอมเสียแพงหน่อย ใช้สายถักซะเลย สวยดีเนอะ





ขนาดความยาวของสาย ลงให้เห็นชัดๆอีกทีครับ
เส้นยาวเป็นสายด้าน ขวา และสั้นเป็นสายด้าน ซ้าย ของเครื่อง





ประกอบซะที
ด้านซ้าย ของเครื่อง......
รูปบนมีผิดพลาด ใครเห็นบ้าง อิ อิ







......และนี้ด้านขวา





การใส่น๊อตท่อระวังนิดครับ มันจะมีแหวนปะเก็น มาหัวละ 2 แหวน ใส่ปิดหัวท้ายน๊อตข้างละตัว
ลืมไม่ได้ครับ รั่วแน่ๆ(โทษที่ครับภาพไม่ชัด กล้องดันไปโฟกัสที่มือ)







เสร็จแล้วครับ ไม่ยาก(ซะที่ไหน) ลองสตาร์ทเครื่องดู OK ไม่มีรั่ว แต่ที่ต้องระวัง น้ำมันเครื่องที่เราเติมพอดีใว้แต่แรกจะขาดทันที มันเข้าไปค้างอยู่ในออยล์ฯครับ  ไม่มากนัก ประมาณ 80-100 ซีซี ไม่เติมก็ได้ เติมก็ดี





ที่เหลือก็ประกอบแฟริ่งกลับเข้าที่ มองจากหน้ารถถ้าไม่บอกก็ไม่ทราบว่านี้เป็นของแปลกปลอม
มันดูกลมกลืนอย่างกับออกห้างแนะครับ 










จบแล้วครับ จริงๆแล้วมันไม่ยากเท่าไหร่ แต่ขั้นตอนมันมากเท่านั้นครับ
ใช้จินตนาการเยอะๆ เดียวก็เสร็จเองครับ 


***ขอทิ้งหัวข้อนี้ใว้ตรงนี้สัก 2-3 วันครับ แล้วจะย้ายไปใว้ในหน้า  DIY